สถานที่กำเนิด |
เจ้อเจียงประเทศจีน |
พิมพ์ |
ฟีดเกรดกรดอะมิโน |
ประสิทธิภาพ |
สารกันบูดฟีด, ส่งเสริมสุขภาพและการเจริญเติบโต, ส่งเสริมโภชนาการ |
ชื่ออื่นๆ |
แอล-ลิวซีน |
MF |
C6H13NO2 |
หมายเลข EINECS |
200-522-0 |
ชื่อแบรนด์ |
โปลิฟาร์ |
ชื่อสินค้า |
แอล-ลิวซีน พาวเวอร์ |
สี |
พลังสีขาว |
ระดับ |
เกรดอาหารสัตว์ |
อายุการเก็บรักษา |
2 ปี |
แอปพลิเคชัน |
สารเติมแต่งอาหารส่งเสริมการเจริญเติบโต |
ประโยชน์ของแอล-ลิวซีน:
1.แอล-ลิวซีนมีประโยชน์ที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะต่อสุขภาพและการทำงานของร่างกาย ประโยชน์ของแอล-ลิวซีนมีดังนี้:
2.การสังเคราะห์โปรตีน: แอล-ลิวซีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสังเคราะห์โปรตีนและช่วยรักษาสุขภาพและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ
3.รองรับการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ: เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและการซ่อมแซม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักกีฬาและผู้ออกกำลังกาย
4.การผลิตพลังงาน: ในบางกรณี L-leucine ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานได้
5.สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน: แอล-ลิวซีน ช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
6.การสังเคราะห์สารสื่อประสาท: นอกจากนี้ยังเป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทบางชนิดที่มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท
โดยรวมแล้ว แอล-ลิวซีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาการทำงานของร่างกายและสุขภาพให้เป็นปกติ
แอล-ลิวซีน เท่าไหร่ต่อวัน?
ตามคำแนะนำด้านอาหารทั่วไป ผู้ใหญ่ควรบริโภคแอล-ลิวซีนประมาณ 25 มก. ถึง 30 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งหมายความว่าผู้ใหญ่จะต้องบริโภคแอล-ลิวซีนประมาณ 1.8 ถึง 2.1 กรัมต่อวัน การบริโภคนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละบุคคล วิถีการดำเนินชีวิต และสภาวะสุขภาพ โดยทั่วไปแล้ว อาหารที่สมดุลมักจะมีแอล-ลิวซีนเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม พืชตระกูลถั่ว และถั่วเปลือกแข็ง
แอล-ลิวซีน ควรรับประทานเมื่อใด?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรรับประทาน: โดยปกติแล้วผู้ใหญ่ควรรับประทานแอล-ลิวซีนหลังอาหารกลางวันและก่อนอาหารเย็น นั่นคือระหว่าง 16.00 น. ถึง 17.00 น. เพื่อให้ได้การดูดซึมที่เหมาะสมที่สุด